สวัสดีครับพี่น้องนักเทรดทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะมาเล่าถึงหัวข้อที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่ผมบอกเลยว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่จะช่วยปกป้องเงินทุนของเราในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่นก็คือ “Position Sizing” หรือ เทคนิคการกำหนดขนาดล็อตให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
ผมเองเคยมีประสบการณ์ที่เจอจุดต่ำสุดของชีวิตการเทรดหลายครั้ง และเชื่อเลยว่าทุกท่านก็เคยเจอเหมือนกันนะครับ การขาดทุนหนัก ๆ มันเจ็บปวดจริง ๆ แต่หลังจากผมเรียนรู้เรื่องการกำหนดขนาดล็อตและบริหารความเสี่ยงแบบเป็นระบบ กลายเป็นว่าโอกาสที่ผมจะอยู่รอดในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ผมจะมาแชร์วิธีคิดและวิธีคำนวณขนาดล็อตในแบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำตามได้
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “Position Sizing” คืออะไร? มันเป็นวิธีการกำหนดขนาดการลงทุนในแต่ละเทรดให้สัมพันธ์กับขนาดเงินทุนและความเสี่ยงที่เรายินดีจะรับได้ เช่น ถ้าเงินทุนคุณ 100,000 บาท คุณอาจยอมเสี่ยงแค่ 1% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง นั่นแปลว่าในแต่ละเทรดคุณพร้อมขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อไม่ให้กระทบกับพอร์ตมากเกินไป
หลักการพื้นฐานที่เราต้องมีคือ 3 ปัจจัยใหญ่
1. ขนาดบัญชีเทรด (Total Capital) คือเงินลงทุนทั้งหมดที่มี
2. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เพราะมันไม่ได้เหมือนกันสำหรับทุกคน บางคนยอมรับได้ 1% บางคนตั้งไว้ 2-3% แล้วแต่ความสามารถรับความเสี่ยงของแต่ละคน
3. จุดตัดขาดทุนหรือ Stop Loss ที่เราวางไว้ในแต่ละเทรด เพื่อจำกัดความเสียหายไม่ให้ลุกลาม
เมื่อเรารู้ทั้งสามปัจจัยนี้แล้ว เรามาถึงสูตรง่าย ๆ ในการคำนวณขนาดล็อตเพื่อใช้เทรดกันครับ
สูตรคำนวณ Position Size = (เงินทุน x % ความเสี่ยงที่ยอมรับ) / ระยะห่างระหว่างราคาเข้าและจุดตัดขาดทุน
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพดีกว่า สมมุติว่าเรามีเงินทุน 100,000 บาท และกำหนดว่ารับความเสี่ยงได้ 1% ต่อเทรด มีความหมายว่าเราพร้อมขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเทรด จากนั้น เราดูจุดตัดขาดทุนในชาร์ตอยู่ห่างจากราคาที่จะเข้าเทรด 50 จุด (Points) หรือในตลาดหุ้นอาจจะเป็น 0.50 บาท
ในกรณีนี้ วิธีคำนวณตำแหน่งล็อตจะเป็นดังนี้
Position Size = (100,000 x 1%) / 50 = 1,000 / 50 = 20 หน่วย
ก็หมายความว่า เราควรเปิดออร์เดอร์ 20 หน่วยเพื่อให้ความเสี่ยงของเราอยู่ในระดับที่รับได้ ไม่มากเกินไปจนเสี่ยงขาดทุนหนักจนพอร์ตแตก
เทคนิคนี้สามารถปรับใช้ได้ทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโตครับ แค่เปลี่ยนหน่วยจากจุด (Points) เป็นราคาหรือ Pip ตามที่ตลาดนั้น ๆ ใช้งาน
ถ้าใครยังไม่มั่นใจ ลองเริ่มจากการกำหนดความเสี่ยงต่ำ ๆ ก่อน เช่น 0.5% หรือ 1% แล้วค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามความมั่นใจและสภาพตลาดที่เป็นจริงในเวลานั้น
ข้อดีของการกำหนดขนาดล็อตแบบนี้คือ
– ลดโอกาสขาดทุนหนักที่ทำลายความมั่นใจและเงินทุน
– ช่วยรักษาเงินทุนให้เราเทรดได้นาน ๆ และได้ประสบการณ์มากขึ้น
– เพิ่มโอกาสที่เราจะอยู่รอดในตลาดได้ถึงเป้าหมายระยะยาว
แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วถ้าเราใช้ขนาดล็อตที่ใหญ่เกินไป หรือเล็กเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าใหญ่เกินไป อาจทำให้เราเสี่ยงที่จะสูญเงินก้อนโตในเทรดเดียว ซึ่งพอร์ตอาจเสียหายมากจนฟื้นตัวยาก แต่ถ้าเล็กเกินไป เราอาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความพยายาม นั่นคือเหตุผลที่ต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมกับตัวเราและสถานการณ์ตลาด
สุดท้ายผมอยากจะเน้นย้ำว่า Position Sizing ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขคำนวณ แต่เป็นเรื่องของการมีวินัย และการรู้จักควบคุมอารมณ์เวลาที่เราเทรดอย่างจริงจัง แล้วคุณจะพบว่าการบริหารความเสี่ยงแบบเป็นระบบทำให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคหลายอย่างได้
ผมหวังว่าเทคนิคและคำแนะนำที่ผมแชร์นี้จะช่วยให้เพื่อนนักเทรดทุกท่านมีเครื่องมือที่ดีขึ้นในมือเพื่อทำให้เส้นทางการลงทุนของเรายั่งยืนและมั่นคงขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีในตลาดและสู้ ๆ ครับ!
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ