Saturday, December 20, 2025
33.9 C
Bangkok

เรื่องสำคัญที่นักเทรดไม่ควรมองข้ามในการเดิมพันทุกครั้ง

สวัสดีครับพี่น้องนักเทรดทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะมาเล่าถึงหัวข้อที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่ผมบอกเลยว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ที่จะช่วยปกป้องเงินทุนของเราในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่นก็คือ “Position Sizing” หรือ เทคนิคการกำหนดขนาดล็อตให้เหมาะสมกับเงินทุนและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

ผมเองเคยมีประสบการณ์ที่เจอจุดต่ำสุดของชีวิตการเทรดหลายครั้ง และเชื่อเลยว่าทุกท่านก็เคยเจอเหมือนกันนะครับ การขาดทุนหนัก ๆ มันเจ็บปวดจริง ๆ แต่หลังจากผมเรียนรู้เรื่องการกำหนดขนาดล็อตและบริหารความเสี่ยงแบบเป็นระบบ กลายเป็นว่าโอกาสที่ผมจะอยู่รอดในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วันนี้ผมจะมาแชร์วิธีคิดและวิธีคำนวณขนาดล็อตในแบบง่าย ๆ ที่ใครก็ทำตามได้

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “Position Sizing” คืออะไร? มันเป็นวิธีการกำหนดขนาดการลงทุนในแต่ละเทรดให้สัมพันธ์กับขนาดเงินทุนและความเสี่ยงที่เรายินดีจะรับได้ เช่น ถ้าเงินทุนคุณ 100,000 บาท คุณอาจยอมเสี่ยงแค่ 1% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง นั่นแปลว่าในแต่ละเทรดคุณพร้อมขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000 บาท เพื่อไม่ให้กระทบกับพอร์ตมากเกินไป

หลักการพื้นฐานที่เราต้องมีคือ 3 ปัจจัยใหญ่
1. ขนาดบัญชีเทรด (Total Capital) คือเงินลงทุนทั้งหมดที่มี
2. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เพราะมันไม่ได้เหมือนกันสำหรับทุกคน บางคนยอมรับได้ 1% บางคนตั้งไว้ 2-3% แล้วแต่ความสามารถรับความเสี่ยงของแต่ละคน
3. จุดตัดขาดทุนหรือ Stop Loss ที่เราวางไว้ในแต่ละเทรด เพื่อจำกัดความเสียหายไม่ให้ลุกลาม

เมื่อเรารู้ทั้งสามปัจจัยนี้แล้ว เรามาถึงสูตรง่าย ๆ ในการคำนวณขนาดล็อตเพื่อใช้เทรดกันครับ

สูตรคำนวณ Position Size = (เงินทุน x % ความเสี่ยงที่ยอมรับ) / ระยะห่างระหว่างราคาเข้าและจุดตัดขาดทุน

ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพดีกว่า สมมุติว่าเรามีเงินทุน 100,000 บาท และกำหนดว่ารับความเสี่ยงได้ 1% ต่อเทรด มีความหมายว่าเราพร้อมขาดทุนได้ไม่เกิน 1,000 บาท ต่อเทรด จากนั้น เราดูจุดตัดขาดทุนในชาร์ตอยู่ห่างจากราคาที่จะเข้าเทรด 50 จุด (Points) หรือในตลาดหุ้นอาจจะเป็น 0.50 บาท

ในกรณีนี้ วิธีคำนวณตำแหน่งล็อตจะเป็นดังนี้
Position Size = (100,000 x 1%) / 50 = 1,000 / 50 = 20 หน่วย

ก็หมายความว่า เราควรเปิดออร์เดอร์ 20 หน่วยเพื่อให้ความเสี่ยงของเราอยู่ในระดับที่รับได้ ไม่มากเกินไปจนเสี่ยงขาดทุนหนักจนพอร์ตแตก

เทคนิคนี้สามารถปรับใช้ได้ทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือคริปโตครับ แค่เปลี่ยนหน่วยจากจุด (Points) เป็นราคาหรือ Pip ตามที่ตลาดนั้น ๆ ใช้งาน

ถ้าใครยังไม่มั่นใจ ลองเริ่มจากการกำหนดความเสี่ยงต่ำ ๆ ก่อน เช่น 0.5% หรือ 1% แล้วค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามความมั่นใจและสภาพตลาดที่เป็นจริงในเวลานั้น

ข้อดีของการกำหนดขนาดล็อตแบบนี้คือ
– ลดโอกาสขาดทุนหนักที่ทำลายความมั่นใจและเงินทุน
– ช่วยรักษาเงินทุนให้เราเทรดได้นาน ๆ และได้ประสบการณ์มากขึ้น
– เพิ่มโอกาสที่เราจะอยู่รอดในตลาดได้ถึงเป้าหมายระยะยาว

แต่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วถ้าเราใช้ขนาดล็อตที่ใหญ่เกินไป หรือเล็กเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าใหญ่เกินไป อาจทำให้เราเสี่ยงที่จะสูญเงินก้อนโตในเทรดเดียว ซึ่งพอร์ตอาจเสียหายมากจนฟื้นตัวยาก แต่ถ้าเล็กเกินไป เราอาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความพยายาม นั่นคือเหตุผลที่ต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมกับตัวเราและสถานการณ์ตลาด

สุดท้ายผมอยากจะเน้นย้ำว่า Position Sizing ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขคำนวณ แต่เป็นเรื่องของการมีวินัย และการรู้จักควบคุมอารมณ์เวลาที่เราเทรดอย่างจริงจัง แล้วคุณจะพบว่าการบริหารความเสี่ยงแบบเป็นระบบทำให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคหลายอย่างได้

ผมหวังว่าเทคนิคและคำแนะนำที่ผมแชร์นี้จะช่วยให้เพื่อนนักเทรดทุกท่านมีเครื่องมือที่ดีขึ้นในมือเพื่อทำให้เส้นทางการลงทุนของเรายั่งยืนและมั่นคงขึ้นนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีในตลาดและสู้ ๆ ครับ!

คำชี้แจง

เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม

ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ

Hot this week

ช่วงที่อันตรายที่สุดของเทรดเดอร์… คือหลัง “ชนะติดกัน”

คนส่วนใหญ่คิดว่าช่วงอันตรายคือ “แพ้ติดกัน” แต่ความจริง… ช่วงที่พอร์ตพังง่ายที่สุดคือหลัง “ชนะติดกัน”เพราะตอนแพ้ เรามักระวัง แต่ตอนชนะ เรามักห้าวแบบไม่รู้ตัวห้าวด้วยการเพิ่มล็อต ห้าวด้วยการเข้าไม้เร็วขึ้น ห้าวด้วยการเทรดถี่ขึ้น ห้าวด้วยการเชื่อว่า “วันนี้เอาอยู่”นี่คือกับดักที่ชื่อ Overconfidence Bias ความมั่นใจเกินเหตุหลังชนะติดกันและใน...

ไส้ยาวไม่ได้แปลว่ากลับตัว… มันอาจเป็นแค่การกวาด SL

เห็นแท่งไส้ยาวปุ๊บ แล้วรีบสวนทันที นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เทรดเดอร์ทองมือใหม่โดน “ลาก” ซ้ำ ๆเพราะใน XAUUSD แท่งไส้ยาวไม่ได้มีไว้เพื่อบอกว่า “กลับตัว” เสมอไป หลายครั้งมันมีไว้เพื่อ...

ถ้ายังเพิ่มไม้ตามความรู้สึก เทรดเดอร์ที่เก่งก็พังได้

พอร์ตส่วนใหญ่ไม่ได้พังเพราะเข้าไม้ไม่เป็น พังตอน “เพิ่มล็อต”และที่โหดคือ… คนที่พังจากการเพิ่มล็อต ไม่ได้เป็นมือใหม่อย่างเดียว เทรดเดอร์ที่ “เก่ง” ก็พังได้เหมือนกัน ถ้ายังเพิ่มไม้ตามความรู้สึกเพราะความเก่งทำให้เรามั่นใจ และความมั่นใจนี่แหละ ที่กลายเป็นกับดักชื่อดังในจิตวิทยา: Confidence Biasบทความนี้จะพาแยกให้ชัดว่า เพิ่มไม้เมื่อมั่นใจ...

พอร์ตพังไม่ใช่เพราะแพ้… แต่เพราะ “อยากชนะเกินไป”

เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้พังเพราะ “แพ้ครั้งเดียว” พังเพราะ “แพ้แล้วไม่ยอมแพ้”มันเริ่มจากความคิดที่ดูเหมือนมีไฟ: วันนี้ต้องกลับมาเป็นบวก ไม้หน้าต้องเอาคืน สัปดาห์นี้ต้องชนะให้ได้ฟังดูเหมือนนักสู้ แต่ในตลาด… นี่คือสูตรพอร์ตแตกแบบคลาสสิก เพราะตลาดไม่ได้ให้รางวัลกับ “คนอยากชนะ” ตลาดให้รางวัลกับ “คนไม่ตาย”บทความนี้คือการแยกให้ชัดว่า Win Obsession (หมกมุ่นกับชัยชนะ) ต่างจาก Survival...

PMI/ISM อ่านอย่างไร คู่มืออ่านดัชนีผู้จัดการจัดซื้อสำหรับเทรดเดอร์

PMI/ISM ไม่ใช่ตัวเลขสวยๆ ที่โผล่ในปฏิทินเศรษฐกิจเดือนละครั้ง แต่คือเสียงจากผู้จัดการจัดซื้อที่อยู่หน้าโรงงานและออฟฟิศจริงๆ บทความนี้จะพาไล่ตั้งแต่พื้นฐานว่า PMI คืออะไร ISM ต่างจาก PMI เจ้าอื่นอย่างไร กลไก 50 จุดแปลว่าอะไร รวมถึงวิธีอ่าน PMI/ISM แบบทีละขั้นสำหรับเทรดเดอร์ทองและ Forex ที่ต้องการมองเกมเศรษฐกิจให้ขาดกว่าเดิม

Topics

ช่วงที่อันตรายที่สุดของเทรดเดอร์… คือหลัง “ชนะติดกัน”

คนส่วนใหญ่คิดว่าช่วงอันตรายคือ “แพ้ติดกัน” แต่ความจริง… ช่วงที่พอร์ตพังง่ายที่สุดคือหลัง “ชนะติดกัน”เพราะตอนแพ้ เรามักระวัง แต่ตอนชนะ เรามักห้าวแบบไม่รู้ตัวห้าวด้วยการเพิ่มล็อต ห้าวด้วยการเข้าไม้เร็วขึ้น ห้าวด้วยการเทรดถี่ขึ้น ห้าวด้วยการเชื่อว่า “วันนี้เอาอยู่”นี่คือกับดักที่ชื่อ Overconfidence Bias ความมั่นใจเกินเหตุหลังชนะติดกันและใน...

ไส้ยาวไม่ได้แปลว่ากลับตัว… มันอาจเป็นแค่การกวาด SL

เห็นแท่งไส้ยาวปุ๊บ แล้วรีบสวนทันที นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เทรดเดอร์ทองมือใหม่โดน “ลาก” ซ้ำ ๆเพราะใน XAUUSD แท่งไส้ยาวไม่ได้มีไว้เพื่อบอกว่า “กลับตัว” เสมอไป หลายครั้งมันมีไว้เพื่อ...

ถ้ายังเพิ่มไม้ตามความรู้สึก เทรดเดอร์ที่เก่งก็พังได้

พอร์ตส่วนใหญ่ไม่ได้พังเพราะเข้าไม้ไม่เป็น พังตอน “เพิ่มล็อต”และที่โหดคือ… คนที่พังจากการเพิ่มล็อต ไม่ได้เป็นมือใหม่อย่างเดียว เทรดเดอร์ที่ “เก่ง” ก็พังได้เหมือนกัน ถ้ายังเพิ่มไม้ตามความรู้สึกเพราะความเก่งทำให้เรามั่นใจ และความมั่นใจนี่แหละ ที่กลายเป็นกับดักชื่อดังในจิตวิทยา: Confidence Biasบทความนี้จะพาแยกให้ชัดว่า เพิ่มไม้เมื่อมั่นใจ...

พอร์ตพังไม่ใช่เพราะแพ้… แต่เพราะ “อยากชนะเกินไป”

เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้พังเพราะ “แพ้ครั้งเดียว” พังเพราะ “แพ้แล้วไม่ยอมแพ้”มันเริ่มจากความคิดที่ดูเหมือนมีไฟ: วันนี้ต้องกลับมาเป็นบวก ไม้หน้าต้องเอาคืน สัปดาห์นี้ต้องชนะให้ได้ฟังดูเหมือนนักสู้ แต่ในตลาด… นี่คือสูตรพอร์ตแตกแบบคลาสสิก เพราะตลาดไม่ได้ให้รางวัลกับ “คนอยากชนะ” ตลาดให้รางวัลกับ “คนไม่ตาย”บทความนี้คือการแยกให้ชัดว่า Win Obsession (หมกมุ่นกับชัยชนะ) ต่างจาก Survival...

PMI/ISM อ่านอย่างไร คู่มืออ่านดัชนีผู้จัดการจัดซื้อสำหรับเทรดเดอร์

PMI/ISM ไม่ใช่ตัวเลขสวยๆ ที่โผล่ในปฏิทินเศรษฐกิจเดือนละครั้ง แต่คือเสียงจากผู้จัดการจัดซื้อที่อยู่หน้าโรงงานและออฟฟิศจริงๆ บทความนี้จะพาไล่ตั้งแต่พื้นฐานว่า PMI คืออะไร ISM ต่างจาก PMI เจ้าอื่นอย่างไร กลไก 50 จุดแปลว่าอะไร รวมถึงวิธีอ่าน PMI/ISM แบบทีละขั้นสำหรับเทรดเดอร์ทองและ Forex ที่ต้องการมองเกมเศรษฐกิจให้ขาดกว่าเดิม

ลูปจัดการอารมณ์ที่กั้นระหว่างเทรดเดอร์รอดกับพอร์ตพัง

ส่วนใหญ่พอร์ตไม่ได้พังเพราะกราฟ แต่พังเพราะเทรดเดอร์ไม่เคยรู้เลยว่า ช่วงไหน “ระบบคุมมือ” ช่วงไหน “อารมณ์คุมมือ”ไม้ที่เข้าเพราะ FOMO ดูเผิน ๆ ก็เหมือนไม้ปกติ แค่เห็นกราฟวิ่ง เห็นคนอื่นโชว์กำไร ก็รีบกดโดยไม่ทันเช็ก RR...

หลายครั้งไม่ได้แพ้ที่ “ทิศทางราคา” แต่แพ้ที่ “เหตุผลในการเข้าไม้”

ฝั่งหนึ่งเข้าเพราะกลัวตกรถ ราคาไปทางไหนก็วิ่งตาม อีกฝั่งหนึ่งเข้าเพราะรู้ชัดว่า ตรงนี้คือโซนได้เปรียบของตัวเอง Risk/Reward คุ้ม และยอมรับผลลัพธ์ได้ถ้าเราเคยไล่ซื้อทุกแท่งเขียว เคยเห็นคนอื่นกำไรแล้วทนไม่ได้ เคยเข้าตามฟีลโดยไม่รู้จุดตัดขาดทุน แปลว่าเรากำลังเล่นเกมแบบ “แมงเม่า / นักพนัน” อยู่เงียบ ๆแต่...

ทำไม CPI ถึง “สำคัญมาก” ทั้งสำหรับคนทั่วไปและคนเทรด

CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ตัวเลขในข่าวเศรษฐกิจ แต่มันคือกระจกที่สะท้อนว่าค่าครองชีพกำลังกัดกินเงินในกระเป๋าเราเร็วแค่ไหน บทความนี้ชวนคุณมาทำความเข้าใจ CPI ตั้งแต่พื้นฐาน วิธีคิด ไปจนถึงการเอาไปใช้วางแผนการเงิน การทำธุรกิจ และการเทรดในโลกจริง
spot_img

Related Articles

Popular Categories

spot_imgspot_img