ผมจะมาแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับในการดูแลรักษาของสะสม ให้คงสภาพดีและมีมูลค่าสูงอยู่เสมอ สำหรับนักสะสม การได้ครอบครองสิ่งของที่เรารักและชื่นชอบนั้นคือความสุข แต่การรักษาให้ของเหล่านั้นคงสภาพดีไปนานๆ นั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะช่วยให้เราได้ชื่นชมความงามของมันไปได้นานๆ แล้ว ยังเป็นการรักษามูลค่าของมันไว้ให้คงอยู่ หรืออาจเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
ผมเข้าใจดีว่าการเป็นนักสะสมไม่ใช่แค่การซื้อของมาเก็บไว้เฉยๆ แต่เป็นการลงทุนทั้งเวลา ความรู้ และเงินทอง ดังนั้น การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และในฐานะนักสะสมรุ่นเก๋า ผมอยากจะแบ่งปันเคล็ดลับที่ผมใช้มาตลอดหลายปีนี้ให้กับทุกคน
ทำไมเราต้องดูแลรักษาของสะสม?
ก่อนอื่นเลย เราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมเราถึงต้องใส่ใจดูแลของสะสม เหตุผลหลักๆ ก็คือ
- รักษาสภาพ: ของสะสมแต่ละชิ้นมีวัสดุและอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน การเก็บรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพ ยืดอายุการใช้งาน และรักษาสภาพให้คงเดิมมากที่สุด
- รักษามูลค่า: ของสะสมที่มีสภาพดี ย่อมมีมูลค่าสูงกว่าของที่ชำรุดเสียหาย การดูแลรักษาจึงเป็นการรักษามูลค่าการลงทุนของเรา
- ความสุขทางใจ: การได้เห็นของสะสมของเราอยู่ในสภาพดี ย่อมทำให้เรามีความสุขและภูมิใจ และยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการสะสมต่อไป
หลักการพื้นฐานในการดูแลรักษาของสะสม
การดูแลรักษาของสะสมนั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของสะสม แต่หลักการพื้นฐานที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับของสะสมทุกประเภท มีดังนี้
1. การเก็บรักษา (Storage)
- สภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาของสะสมคือ ที่แห้ง เย็น สะอาด และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อับชื้น ร้อนจัด หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง เพราะความชื้น ความร้อน และแสงแดดล้วนเป็นศัตรูตัวฉกาจของของสะสม ความชื้นทำให้เกิดเชื้อรา ความร้อนทำให้วัสดุเสื่อมสภาพ และแสงแดดทำให้สีซีดจาง
- อุณหภูมิและความชื้น: ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม อุณหภูมิที่แนะนำคือประมาณ 18-22 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 40-50% อาจใช้เครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (Hygrometer) เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อม และใช้เครื่องดูดความชื้น (Dehumidifier) หรือเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioner) ในการควบคุม
- แสง: แสงแดด และแสงจากหลอดไฟบางประเภท สามารถทำให้สีของสะสมซีดจางและวัสดุเสื่อมสภาพ ควรเก็บของสะสมไว้ในที่มืด หรือใช้ผ้าม่านกันแสง UV เพื่อป้องกัน
- ภาชนะบรรจุ: เลือกภาชนะบรรจุที่เหมาะสมกับประเภทของสะสม เช่น กล่องกระดาษแข็ง กล่องพลาสติก ตู้กระจก ควรเลือกใช้วัสดุที่ปราศจากกรด (Acid-free) และลิกนิน (Lignin-free) เพื่อป้องกันการทำปฏิกิริยาเคมีกับของสะสม
- การจัดวาง: จัดวางของสะสมอย่างระมัดระวัง ไม่วางซ้อนทับกันจนแน่นเกินไป ควรมีพื้นที่ว่างระหว่างชิ้นเพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดี และป้องกันการเสียดสี
2. การหยิบจับ (Handling)
- ความสะอาด: ก่อนหยิบจับของสะสม ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง หรือสวมถุงมือผ้าฝ้ายเพื่อป้องกันคราบเหงื่อและน้ำมันจากมือ
- ความระมัดระวัง: หยิบจับของสะสมด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการทำตกหล่น หรือกระแทก ควรใช้สองมือในการประคอง โดยเฉพาะของสะสมที่มีน้ำหนักมาก หรือเปราะบาง
- การเคลื่อนย้าย: เมื่อต้องเคลื่อนย้ายของสะสม ควรห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทก เช่น กระดาษบับเบิ้ล (Bubble wrap) หรือโฟมกันกระแทก และใส่ในกล่องที่แข็งแรง
3. การบำรุงรักษา (Maintenance)
- การทำความสะอาด: ทำความสะอาดของสะสมเป็นประจำ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสมกับประเภทของวัสดุ เช่น ใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่น ใช้ผ้านุ่มเช็ดทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะทาง ควรทดสอบน้ำยาทำความสะอาดกับพื้นที่เล็กๆ ก่อนใช้งานจริง
- การตรวจสอบ: หมั่นตรวจสอบสภาพของสะสมเป็นประจำ สังเกตการเปลี่ยนแปลง เช่น รอยแตกร้าว สีซีดจาง หรือการชำรุดเสียหาย หากพบความผิดปกติ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการซ่อมแซม
- การป้องกันแมลง: แมลงและสัตว์กัดแทะเป็นศัตรูตัวร้ายของของสะสม ควรป้องกันโดยการเก็บของสะสมไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท ใช้สารไล่แมลง หรือวางกับดัก และหมั่นตรวจสอบเป็นประจำ
- การบันทึกข้อมูล: จดบันทึกข้อมูลของสะสมแต่ละชิ้น เช่น ประวัติความเป็นมา วันที่ได้มา ราคา และสภาพ การบันทึกข้อมูลจะช่วยให้เราติดตามและประเมินมูลค่าของสะสมได้
การดูแลรักษาของสะสมประเภทต่างๆ
1. พระเครื่อง
- การเก็บรักษา: ควรเก็บพระเครื่องไว้ในกล่องกำมะหยี่ หรือกล่องพลาสติกใส แยกองค์พระแต่ละองค์ออกจากกันเพื่อป้องกันการเสียดสี ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับพระเครื่อง ไม่ควรสัมผัสองค์พระโดยตรง ควรใช้แหนบหรือถุงมือผ้าฝ้ายในการหยิบจับ
- การทำความสะอาด: ไม่ควรทำความสะอาดพระเครื่องเอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
2. แสตมป์
- การเก็บรักษา: ควรเก็บแสตมป์ไว้ในอัลบั้มแสตมป์ หรือซองพลาสติกใส แยกแสตมป์แต่ละดวงออกจากกันเพื่อป้องกันการเสียดสี ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับแสตมป์ ไม่ควรสัมผัสแสตมป์โดยตรง ควรใช้แหนบหรือถุงมือผ้าฝ้ายในการหยิบจับ
- การทำความสะอาด: ไม่ควรทำความสะอาดแสตมป์เอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
3. เหรียญ
- การเก็บรักษา: ควรเก็บเหรียญไว้ในตลับเหรียญ หรือซองพลาสติกใส แยกเหรียญแต่ละเหรียญออกจากกันเพื่อป้องกันการเสียดสี ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับเหรียญ ไม่ควรสัมผัสเหรียญโดยตรง ควรใช้แหนบหรือถุงมือผ้าฝ้ายในการหยิบจับ
- การทำความสะอาด: ไม่ควรทำความสะอาดเหรียญเอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
4. ธนบัตร
- การเก็บรักษา: ควรเก็บธนบัตรไว้ในซองพลาสติกใส หรืออัลบั้มธนบัตร แยกธนบัตรแต่ละใบออกจากกันเพื่อป้องกันการเสียดสี ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง https://banknoteworld.com/
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับธนบัตร ไม่ควรสัมผัสธนบัตรโดยตรง ควรใช้แหนบหรือถุงมือผ้าฝ้ายในการหยิบจับ
- การทำความสะอาด: ไม่ควรทำความสะอาดธนบัตรเอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
5. หนังสือเก่า
- การเก็บรักษา: ควรเก็บหนังสือไว้ในชั้นวางหนังสือที่แข็งแรง วางหนังสือตั้งตรง ไม่วางซ้อนทับกันจนแน่นเกินไป ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับหนังสือ ควรเปิดหนังสืออย่างระมัดระวัง ไม่ควรพับหน้าหนังสือ
- การทำความสะอาด: ควรใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่น หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวแปรงขนนุ่ม ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหนังสือเอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ https://www.abebooks.com/
6. งานศิลปะ
- การเก็บรักษา: ควรเก็บงานศิลปะไว้ในที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการเก็บไว้ในที่อับชื้น หรือมีแสงแดดส่องถึงโดยตรง ควรแขวนงานศิลปะไว้บนผนังที่แข็งแรง ไม่ควรวางงานศิลปะไว้บนพื้น
- การหยิบจับ: ควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับงานศิลปะ ควรสวมถุงมือผ้าฝ้ายเมื่อต้องสัมผัสงานศิลปะโดยตรง
- การทำความสะอาด: ไม่ควรทำความสะอาดงานศิลปะเอง หากจำเป็น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
บทสรุป
การดูแลรักษาของสะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ของสะสมคงสภาพดีและมีมูลค่าสูงไปอีกนาน ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับนักสะสมทุกคน และช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลรักษาของสะสมของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำไว้ว่า ของสะสมไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่เป็นความทรงจำ เป็นเรื่องราว และเป็นมรดกที่สามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้