ถ้าพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้น หลายคนคงคุ้นเคยกับวิธีการแบบ Passive Investing ที่เราแค่ตามดัชนีตลาดตามน้ำหนักของหุ้นตามมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาด (Market Cap Weighted) หรือ Active Investing ที่ผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นอย่างละเอียดแต่มีค่าธรรมเนียมและความเสี่ยงสูง กลยุทธ์ Smart Beta กลับมาอยู่ตรงกลางสองจุดนี้ แถมยังมีความเก๋าเกมมากกว่าที่หลายคนคิดด้วยครับ
Smart Beta หรือกลยุทธ์ดัชนีอัจฉริยะ เป็นการลงทุนที่ผสมผสานข้อดีของ Passive และ Active Investing เข้าไว้ด้วยกัน กล่าวคือ ใช้ข้อมูลปัจจัยหรือเกณฑ์เฉพาะในการคัดเลือกและถ่วงน้ำหนักหุ้นในดัชนี แทนที่จะถ่วงน้ำหนักหุ้นตามมูลค่าตลาดเพียงอย่างเดียวเหมือนดัชนีแบบดั้งเดิม ซึ่งหมายความว่า Smart Beta พยายามจับจุดเด่นของหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ เช่น หุ้นที่มีมูลค่าถูก (Value), บริษัทที่มีคุณภาพสูง (Quality), หุ้นที่มีความผันผวนต่ำ (Low Volatility) หรือหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี (Momentum)
ผมเองเมื่อเริ่มต้นศึกษาเรื่อง Smart Beta รู้สึกว่ามันเหมือนกับการได้ระบบคัดกรองหุ้นแบบมืออาชีพที่ไม่ต้องนั่งดูกราฟหรืออ่านข่าวเองให้วุ่นวาย แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการลงทุนตามดัชนีทั่วไป เพราะมันดึงจุดแข็งของแต่ละปัจจัยมาใช้ผสมกัน ไม่ใช่แค่การเอาหุ้นใหญ่ในตลาดมาหลอกขาย
การนำกลยุทธ์ Smart Beta มาใช้ในประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้าใคร บางกองทุนรวมและ ETF ในไทยก็เริ่มใช้วิธีนี้ในการเลือกหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงขาลงและเพิ่มผลตอบแทน เช่น กลยุทธ์ Minimum Volatility ที่เน้นหุ้นที่ราคาผันผวนต่ำทำให้พอร์ตมีความมั่นคงมากขึ้น หรือกลยุทธ์คุณภาพที่เลือกหุ้นที่ธุรกิจแข็งแกร่ง มีงบการเงินดี ทำให้มีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง
แล้วเหตุใดเราควรลองเปลี่ยนมาใช้ Smart Beta ในพอร์ตของเรา?
– ประการแรก มันช่วยลดการพึ่งพาหุ้นขนาดใหญ่มากเกินไปเหมือนดัชนีดั้งเดิม ทำให้พอร์ตของเราไม่โดนกระทบหนักถ้าหุ้นใหญ่เหล่านั้นมีปัญหา
– ประการที่สอง Smart Beta ช่วยให้นักลงทุนได้ประโยชน์จากปัจจัยเชิงลึกที่ตลาดอาจมองข้าม เช่น หุ้นที่มีราคาถูกแต่ฐานธุรกิจดี หรือหุ้นที่มีความผันผวนต่ำซึ่งก็หมายความว่าความเสี่ยงน้อย
– ประการที่สาม กลยุทธ์นี้ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ชอบการลงทุนแบบประหยัดค่าธรรมเนียม เพราะ Smart Beta มักจะบริหารด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่เหมือนกับกองทุน Active ที่ต้องมีผู้จัดการกองทุนคอยตัดสินใจทุกเรื่อง
ในแง่ของวิธีเลือกหุ้น เราควรรู้ว่า Smart Beta โดยทั่วไปจะเลือกหุ้นตามสูตรหรือปัจจัยต่างๆ ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น
1. ปัจจัยมูลค่า (Value): เลือกหุ้นที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน เช่น ใช้อัตราส่วน P/E หรือ P/B ที่ต่ำ
2. ปัจจัยคุณภาพ (Quality): เลือกหุ้นที่มีกำไรมั่นคง ผลตอบแทนสูง และมีหนี้สินต่ำ
3. ปัจจัยความผันผวนต่ำ (Low Volatility): เลือกหุ้นที่ราคาผันผวนไม่มาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง
4. ปัจจัยโมเมนตัม (Momentum): เลือกหุ้นที่มีแนวโน้มราคาขึ้นในอดีตและคาดว่าจะขึ้นต่อ
ในประเทศไทยเอง ตัวอย่างกองทุนหรือ ETF ที่ใช้กลยุทธ์ Smart Beta นี้เริ่มมีให้เห็นบ้าง เช่น กองทุนที่เน้นหุ้นคุณภาพหรือความผันผวนต่ำ
อยากให้ลองนึกภาพง่ายๆ ว่ามีเพื่อนนักลงทุนที่เขาเป็นแฟนดัชนีแบบธรรมดา (Market Cap Weighted) อีกคนชอบเล่นหุ้นแบบ Active เลือกหุ้นด้วยตัวเองอีกคน และตัวเราเองเลือกที่จะลงทุนแบบ Smart Beta ผลลัพธ์ในระยะยาวจะสังเกตว่า Smart Beta ช่วยให้พอร์ตมีความสมดุล ระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง แม้ในช่วงตลาดผันผวนก็ยังรักษาผลตอบแทนได้ดี
ในแง่ของเทคนิคการประยุกต์ใช้ กลยุทธ์ Smart Beta สามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น
– การลงทุนใน ETF ที่มีการถ่วงน้ำหนักหุ้นตามปัจจัยที่สนใจ เช่น กองทุนที่เน้นปัจจัยคุณภาพ
– การจัดสรรพอร์ตลงทุนให้ผสมผสานปัจจัยต่างๆ เช่น ลงทุนบางส่วนใน ETF แบบ Value, บางส่วนใน ETF แบบ Low Volatility
– ใช้เป็นเครื่องมือปรับสมดุลพอร์ต (Rebalancing) เพื่อให้พอร์ตตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงของตนเอง
สุดท้าย สิ่งที่ผมอยากย้ำก็คือ การเลือกใช้กลยุทธ์ Smart Beta จำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยที่ใช้อย่างลึกซึ้ง และต้องเลือกกองทุนหรือ ETF ที่มีความน่าเชื่อถือ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเหมาะสม เพราะแม้กลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน แต่ก็ไม่ใช่สูตรวิเศษที่ชนะตลาดได้เสมอไป
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของกลยุทธ์การลงทุนในดัชนี Smart Beta มากขึ้น และรับมือกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
– https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/grow-your-wealth/smart-beta
– https://www.ktam.co.th/ktam-edutainment-detail.aspx?ktam_id=95
– https://www.kasikornbank.com/th/personal/the-wisdom/articles/wealth-product/pages/smart-beta_onwardjuly_2018.aspx
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ