สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักกับเรื่องที่สำคัญสุดๆ ในวงการลงทุนที่เราไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ “การบริหารความเสี่ยงในการเทรดหุ้น และสินทรัพย์อื่นๆ สำหรับนักลงทุนไทย” บอกเลยว่าการลงทุนโดยไม่เข้าใจวิธีจัดการกับความเสี่ยงนั้นเหมือนกับการเดินเข้าป่าโดยไม่มีแผนที่ ทั้งที่ตลาดหุ้นไทยและสินทรัพย์อื่นๆ มีความผันผวนที่สูงมาก การรู้จักควบคุมความเสี่ยงให้เหมาะสมจะช่วยรักษาเงินทุนและทำกำไรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
1. เริ่มต้นด้วย “การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)” ผมเชื่อว่านักลงทุนหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ แต่มานั่งคิดดีๆ จริงๆ เรารู้ไหมว่าการตั้งจุดตัดขาดทุนมีผลดีอย่างไร? จุดนี้เปรียบเสมือนกิมมิกที่บอกว่า “เอ๊ะ ถ้าหุ้นหรือสินทรัพย์ราคาตกลงไปถึงจุดนี้ ฉันจะขายออกทันที” เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนลึกเกินไป เช่น ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท และตั้ง stop loss ที่ 95 บาท หมายความว่าคุณจำกัดการสูญเสียไว้ที่ 5 บาทต่อหุ้น
2. “Position Sizing” หรือการกำหนดขนาดของการลงทุนในแต่ละครั้งก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ ผมมักจะใช้กฎ 1% อยู่เสมอ นั่นคือไม่ควรเสี่ยงขาดทุนเกิน 1% ของทุนทั้งหมดในพอร์ตของเรา เช่น มีทุน 1 แสนบาท ก็ควรตั้งจุดตัดขาดทุนที่ตำแหน่งที่ถ้าคุณขาดทุน จะไม่เกิน 1,000 บาทในธุรกรรมครั้งนั้น ๆ เพื่อให้เรายังมีทุนเหลือเล่นต่อและไม่สะดุดเมื่อเจอเหตุการณ์เลวร้าย
3. นอกจากนั้น ผมอยากแนะนำ “อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)” ที่ควรมีอย่างน้อย 1:2 หรือครึ่งหนึ่งของความเสี่ยงต้องแลกกับกำไรที่จะได้รับ เช่น ถ้าคุณตั้งความเสี่ยงที่จะเสีย 1,000 บาท คุณก็คว้ากำไรให้ได้ถึง 2,000 บาทขึ้นไป นี่แหละจะเป็นชีวิตที่ทำให้การลงทุนกลายเป็นเกมที่ชนะในระยะยาว
4. แล้วถ้าตลาดผันผวนขึ้นมากๆ เราจะรับมือยังไง? เรื่องนี้ผมอยากเน้นย้ำว่า การใช้เครื่องมือทางการเงินในตลาดอนุพันธ์ อย่าง SET50 Index Futures หรือ Single Stock Futures ก็ช่วยเราได้ดีมาก เช่นถ้าคุณถือหุ้นในดัชนี SET50 และคิดว่าตลาดจะลง ก็สามารถ “Short Futures” เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน หรือหากมองเห็นโอกาสก็ใช้ “Long Put Options” เพื่อป้องกันมูลค่าพอร์ตไม่ให้ต่ำลงจนเกินไป
5. สุดท้ายนี้ การ “กระจายการลงทุน” เป็นสิ่งที่นักลงทุนไทยหลายคนอาจมองข้ามไป แต่ถ้าคุณลองแบ่งพอร์ตลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลาย เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ หรือแม้แต่ตลาดต่างประเทศ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงรวมและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงมากขึ้น เพราะไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คุณก็ยังมีโอกาสรอดและเติบโตได้
สรุปแล้ว การบริหารความเสี่ยงไม่ใช่แค่เรื่องของการป้องกันขาดทุนเท่านั้น แต่มันยังคือกระบวนการที่ช่วยให้เราอยู่รอด และทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องในโลกการลงทุนที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้ หากคุณลองนำเทคนิคเหล่านี้ของผมไปปรับใช้ รับรองว่าการลงทุนของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านกล้าลงทุนอย่างชาญฉลาด และมีวินัยครับ
เพื่อข้อมูลและเทคนิคที่ลึกกว่านี้ คุณสามารถเยี่ยมชมแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Yuanta Securities, HMarkets, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ธนาคารกรุงไทย ที่ลิงก์ด้านล่าง รวมถึงศึกษากลยุทธ์ในตลาดอนุพันธ์เพื่อประยุกต์ใช้ในการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
1. https://www.yuanta.co.th/blog/stock/how-to-manage-risk-when-trading-first-time
2. https://hmarkets.com/th/blog/kalyutha-samrab-brihan-khwam-siyang/
3. https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/glossary/risk
4. https://krungthai.com/finfit/investment-portfolio-management-for-all-situations/managing-risk-for-sustainable-growth/article
5. https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/349-tsi-5-tips-of-risk-management-and-market-speculation-during-downside-market
หวังว่าบทความนี้จะช่วยเปิดมุมมองและเพิ่มทักษะในการบริหารความเสี่ยงให้นักลงทุนไทยทุกท่านได้นำไปใช้จริง ขอบคุณครับ
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ