สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาแชร์เรื่องที่นักลงทุนไทยทุกคนควรใส่ใจอย่างจริงจัง นั่นคือเรื่องของ “ความเสี่ยง” ในการลงทุนครับ ความเสี่ยงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป แต่มันคือสิ่งที่อยู่คู่กับการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจหรือบริหารจัดการมันอย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้เราเสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทน หรือแม้กระทั่งสูญเสียเงินลงทุนได้ครับ
ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักก่อนว่า “ความเสี่ยง” ในการลงทุน คืออะไร? ถ้าให้พูดแบบง่าย ๆ มันก็คือ ความไม่แน่นอนหรือโอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังจากการลงทุนนั่นเอง ซึ่งความเสี่ยงนี้มีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็ส่งผลที่แตกต่างกันไปครับ เราต้องรู้จักประเภทของความเสี่ยงเหล่านี้ เพื่อที่จะเลือกวิธีรับมือที่เหมาะสมครับ
ประเภทแรกเลยคือ ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) นี่คือความเสี่ยงที่เกิดจากสภาพตลาดโดยรวมที่เปลี่ยนแปลง เช่น เศรษฐกิจซบเซา การเมืองมีความไม่แน่นอน หรือความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ก็ล้วนมีผลต่อราคาสินทรัพย์ในตลาดทั้งสิ้น ที่สำคัญมันมักจะมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ส่วนใหญ่ในตลาดพร้อมกัน ถ้าเราไม่เตรียมใจหรือไม่วางแผนดีๆ ก็อาจเจ็บหนักได้
ประเภทที่สองคือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ (Business Risk) ความเสี่ยงนี้เกิดจากลักษณะเฉพาะของธุรกิจที่เราลงทุน เช่น บริษัททำธุรกิจไม่ดี เกิดปัญหาภายใน หรืออุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูงจนกำไรลดลง ดังนั้น เราควรศึกษาข้อมูลบริษัทเป็นอย่างดี วิเคราะห์รายได้ ค่าใช้จ่าย และศักยภาพของธุรกิจให้มั่นใจก่อนตัดสินใจลงทุนครับ
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) ซึ่งน่าสนใจมากสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้หรือสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย เพราะเมื่อดอกเบี้ยขึ้น ราคาสินทรัพย์ดอกเบี้ยคงที่จะมีแนวโน้มลดลง ส่วนนักลงทุนหุ้นก็อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน
แล้วเราจะประเมินและจัดการความเสี่ยงอย่างไรดี? ผมขอแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริงและเหมาะกับนักลงทุนไทยครับ
อันดับแรก ต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าคุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ถามตัวเองว่าสามารถรับความผันผวนของมูลค่าการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน และเป้าหมายการลงทุนของคุณคืออะไร เช่น ลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ระยะยาว หรือหวังผลตอบแทนในระยะสั้น
อันดับสอง ศึกษาข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่จะลงทุน ความเข้าใจในสินทรัพย์ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม และอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนได้ดีขึ้น เช่น หุ้นมักมีความเสี่ยงสูงแต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ขณะที่ตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่าแต่ผลตอบแทนก็น้อยกว่าครับ
อันดับสาม กระจายการลงทุน (Diversification) เป็นเทคนิคที่นักลงทุนมืออาชีพใช้กัน เพื่อไม่ให้ความเสี่ยงทั้งหมดถูกรวมอยู่ที่สินทรัพย์เดียว กระจายเงินลงทุนไปยังหลายสินค้า หลายธุรกิจ หลายอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสียหายหากสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเกิดปัญหา
อันดับสี่ การติดตามและปรับพอร์ตลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะสภาวะตลาดและธุรกิจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การที่เราหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพและความเสี่ยงของพอร์ต จะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนได้ทัน ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
สุดท้าย การบริหารความเสี่ยงไม่ได้หมายความว่าจะกำจัดความเสี่ยงให้หมดไป แต่มันคือการควบคุมและจำกัดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เรายอมรับได้ และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีตามเป้าหมายของเรา ซึ่งถ้าเราทำได้อย่างถูกวิธี จะช่วยสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้จริงครับ
ขอสรุปอีกครั้งนะครับว่า การลงทุนอย่างมีความรู้และเข้าใจในความเสี่ยง จะทำให้นักลงทุนไทยอย่างเรามีความมั่นใจในการตัดสินใจ และสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างยั่งยืน อย่าลืมว่าทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง แต่ด้วยความรู้และการจัดการที่ดี เราสามารถพาเงินของเราไปถึงเป้าหมายได้แน่นอนครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมและอ้างอิงจาก :
– https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/92-tsi-know-your-investment-risks
– https://www.ktc.co.th/article/knowledge/stocks/investment-risk-management-tips
– https://www.sawakami.co.th/blog-detail/21
– https://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/basic-risk.aspx
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมานะครับ หวังว่าบทความนี้จะช่วยเปิดมุมมองและความเข้าใจเรื่องการลงทุนให้กับนักลงทุนไทยทุกท่านครับ
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ