พอร์ตส่วนใหญ่ไม่ได้พังเพราะเข้าไม้ไม่เป็น
พังตอน “เพิ่มล็อต”
และที่โหดคือ… คนที่พังจากการเพิ่มล็อต ไม่ได้เป็นมือใหม่อย่างเดียว
เทรดเดอร์ที่ “เก่ง” ก็พังได้เหมือนกัน
ถ้ายังเพิ่มไม้ตามความรู้สึก
เพราะความเก่งทำให้เรามั่นใจ
และความมั่นใจนี่แหละ ที่กลายเป็นกับดักชื่อดังในจิตวิทยา: Confidence Bias
บทความนี้จะพาแยกให้ชัดว่า
เพิ่มไม้เมื่อมั่นใจ ต่างจาก เพิ่มไม้ตามสถิติ ยังไง
และทำไม XAUUSD ถึงเป็นสนามที่ “ความมั่นใจผิดจังหวะ” แพงที่สุด
1) เพิ่มไม้เมื่อมั่นใจ = เพิ่มตามอารมณ์ (แม้จะเรียกว่ามั่นใจก็ตาม)
Confidence Bias คือการที่สมอง “เชื่อว่าเราคุมได้” มากกว่าความจริง
มันไม่ได้มาแบบเพ้อเจ้อ แต่มาแบบมีเหตุผลในหัวเราเสมอ เช่น
- “วันนี้อ่านกราฟออก”
- “แท่งมันชัดมาก”
- “ข่าวออกแบบนี้ ยังไงก็ไปต่อ”
- “ชนะมา 2 ไม้แล้ว มือกำลังขึ้น”
- “ไม้เมื่อกี้โดนกวาด ไม้นี้ต้องกลับทิศแน่”
ปัญหาไม่ใช่ความมั่นใจ
ปัญหาคือความมั่นใจมัน “ไม่ใช่ข้อมูล”
การเพิ่มล็อตด้วยความมั่นใจมักพาไปสู่พฤติกรรมชุดเดิม:
- เพิ่มล็อตตอนกำลังอิน
- เทรดถี่ขึ้นเพราะคิดว่าจังหวะมา
- ลดคุณภาพของ Setup แต่เพิ่มขนาดความเสี่ยง
- มองข้าม SL/ขยับ SL เพราะเชื่อว่าทิศถูก
แล้วถ้าไม้ที่เพิ่ม “ผิด”
มันไม่ได้แพ้แค่ไม้เดียว
มันแพ้แบบทำลายกำไรทั้งวัน/ทั้งสัปดาห์ และทำให้พอร์ตเสียทรงทันที
2) ทำไม XAUUSD ทำให้ Confidence Bias เกิดง่ายกว่าตลาดอื่น
ทองเป็นสินทรัพย์ที่หลอกสมองเก่งมาก เพราะ:
- สวิงแรง → กำไรมาไว ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง “จับจังหวะได้แล้ว”
- มี spike/wick บ่อย → ชนะครั้งหนึ่งแล้วสมอง “ยกเครดิตให้ตัวเอง”
- มีช่วงไหลยาว → ยิ่งทำให้คิดว่า “เพิ่มล็อตตอนนี้แหละ”
- ความเร็วสูงในบางช่วง (โดยเฉพาะข่าว) → ทำให้ตัดสินใจด้วยอารมณ์ง่าย
ทองให้รางวัลกับความมั่นใจได้เร็ว
แต่ก็ลงโทษความมั่นใจเกินข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม
3) เพิ่มไม้ตามสถิติ = เพิ่มบน “Edge” ไม่ใช่ “อารมณ์”
Data-Driven Scaling ไม่ได้เท่ากับเทรดช้า
มันคือเทรดแบบ “คุมตัวแปร”
หลักคิดมี 3 ชั้น
(1) ต้องมี Edge ที่วัดได้
ไม่ใช่รู้สึกว่าแม่น
แต่รู้ว่า Setup นี้… ในอดีตให้ผลลัพธ์ยังไง
(2) ต้องมี Sample size มากพอ
ชนะ 3 ไม้ติดยังไม่ใช่สถิติ
มันคือ “ช่วงสั้น” ที่ทำให้มั่นใจ
การเพิ่มล็อตต้องยืนบนจำนวนไม้ที่มากพอให้เห็นภาพจริง
ไม่ใช่ภาพที่อารมณ์อยากเห็น
(3) ต้องเพิ่มแล้ว “Drawdown ยังรับได้”
ต่อให้ Setup ดี ถ้าเพิ่มแล้ว DD เกินกรอบที่รับได้
มันคือการเร่ง Risk of Ruin อยู่ดี
คนที่เพิ่มล็อตตามสถิติจะไม่ถามว่า
“วันนี้มั่นใจไหม”
แต่จะถามว่า
“Setup แบบนี้ในข้อมูลย้อนหลัง ชนะ/แพ้ยังไง และแพ้หนักสุดแค่ไหน?”
4) ตัวอย่างที่เกิดจริงทุกวัน: เพิ่มตามมั่นใจ vs เพิ่มตามข้อมูล
แบบที่พัง (เพิ่มตามความมั่นใจ)
- ชนะติดกัน 2 ไม้
- ไม้ที่ 3 เห็นแท่งสวย + ข่าวหนุน
- เพิ่มล็อต 2–3 เท่า เพราะ “ชัวร์”
- ตลาดกระชากสวน / โดน wick
- ไม้เดียวลบกำไรทั้งวัน แล้วหัวร้อนต่อ… วงจรเริ่ม
แบบที่รอด (เพิ่มตามสถิติ)
- รู้ว่าตัวเองมี “A-Setup” จริง ๆ แค่ 1–2 แบบ
- เก็บสถิติ A-Setup เป็นชุด (ไม่ใช่จำจากความรู้สึก)
- เพิ่มล็อตเฉพาะ A-Setup และเพิ่มแบบขั้นบันได
- ถ้า DD ถึงเส้นที่กำหนด = ลดล็อตกลับทันที
ผลลัพธ์: โตได้จริง เพราะเพิ่มบนความน่าจะเป็น ไม่ใช่เพิ่มบนอารมณ์
5) Mini-Framework: “Scale หรือไม่ Scale” ใช้ได้ทันที
เอาไปใช้ได้เลยสำหรับทุกสาย (มือใหม่/ข่าว/เทคนิค)
Step 1: แยก Setup เป็น 3 เกรด
- A-Setup: ชัดที่สุด เป็นไม้ที่ระบบถนัดจริง
- B-Setup: เข้าได้ แต่ไม่ใช่ไม้เพิ่ม
- C-Setup: คันมือ แต่ไม่ใช่ระบบ
กติกาเดียวที่โหดแต่ช่วยชีวิต:
เพิ่มล็อตได้เฉพาะ A-Setup เท่านั้น
Step 2: ทำ “Scaling Ladder” (บันไดเพิ่มล็อต)
เพิ่มทีละขั้น ไม่กระโดดตามความรู้สึก
ตัวอย่างแนวคิด:
- ล็อตฐาน = 1x
- A-Setup + เงื่อนไขผ่าน → 1.25x
- ผ่านต่อเนื่อง → 1.5x
(ห้าม 1x → 3x เพราะคำว่า “มั่นใจ”)
Step 3: ต้องมี “Kill Switch”
มีเงื่อนไขถอย/หยุดที่ชัดเจน เช่น:
- แพ้ติดกันเกิน N ไม้
- DD เกิน X%
- หลุดวินัย (เผลอเพิ่มล็อตใน B/C)
ถ้าไม่มี Kill Switch การ scale คือการเร่งวันพอร์ตแตก
6) แล้วแต่ละสายควรใช้ยังไง?
มือใหม่
ช่วงแรกไม่ต้องรีบ scale
เป้าหมายคือ “ทำให้พอร์ตอยู่รอดและนิ่ง” ก่อน
เพราะถ้าเพิ่มเร็วเกินไป เราจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพังเพราะระบบหรือพังเพราะขนาดไม้
สายข่าว
ข่าวทำให้ความมั่นใจพุ่งง่ายที่สุด
ถ้ายังไม่รู้ตัวเลขเรื่อง spread/slippage และความเสี่ยงของช่วงข่าว
อย่า scale ในข่าว
ข่าวผิดจังหวะทีเดียว = ลบกำไรหลายวันได้จริง
สายเทคนิค
กราฟสวยไม่เท่ากับความน่าจะเป็นสูง
กราฟสวยทำให้ “มั่นใจปลอม” สูง
การ scale ต้องดูผลลัพธ์ในข้อมูลย้อนหลังของ setup นั้น ๆ เป็นหลัก
ไม่ใช่ดูความรู้สึกว่า “แท่งนี้โคตรใช่”
เพิ่มไม้ได้ แต่ต้องเพิ่มแบบคนเล่นสถิติ
ความมั่นใจคืออารมณ์
แต่การเพิ่มล็อตคือ “การตัดสินใจเชิงความเสี่ยง”
และความเสี่ยงไม่สนว่าเรามั่นใจแค่ไหน
ถ้าอยากให้พอร์ตโตแบบจริง ไม่ใช่โตแล้วพัง
จำประโยคนี้ไว้:
เพิ่มล็อตเพราะระบบพิสูจน์แล้ว ไม่ใช่เพราะใจเรารู้สึกว่าใช่




