– ราคาหุ้นธนาคารหลักของอังกฤษลดลงอย่างมาก ภายหลังมีข้อเสนอให้รัฐบาลเก็บภาษีกำไรพิเศษจากธนาคารเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายของนโยบายการเงิน
– สถาบันวิจัย IPPR เสนอภาษีกำไรพิเศษปีละกว่า 8 พันล้านปอนด์ เพื่อชดเชยความเสียหายจากนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีกำไรเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์
– ข้อเสนอนี้สร้างความกังวลต่อตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนและอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยโดยทางอ้อม ทั้งจากความเชื่อมโยงของระบบการเงินและนักลงทุนต่างชาติ
ราคาหุ้นธนาคารหลักของสหราชอาณาจักรปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว หลังมีข้อเรียกร้องจากสถาบันวิจัย Institute for Public Policy Research (IPPR) ให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณาเก็บภาษีกำไรพิเศษ (windfall tax) จากธนาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหายทางการเงินที่เกิดจากนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) ของธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละ 22 พันล้านปอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายพันธบัตรรัฐบาลต่ำกว่ามูลค่าที่ซื้อมาและผลขาดทุนจากอัตราดอกเบี้ย
ราคาหุ้นของ NatWest และ Lloyds ร่วงต่ำกว่า 4% ขณะที่ Barclays ลดลงกว่า 3% ในช่วงเปิดตลาดลอนดอน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากในหมู่นักลงทุนและผู้ประกอบการ ขณะที่ Charlie Nunn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Lloyds ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มภาษีเพิ่มเติมสำหรับธนาคารที่อาจทำลายกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับประเทศไทย แม้จะไม่ได้มีข่าวโดยตรงในเรื่องนี้ แต่ความเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะตลาดการเงินในสหราชอาณาจักร ยังคงส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยที่มีการลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือหุ้นที่เกี่ยวพันกับธนาคารข้ามชาติที่มีเครือข่ายรวมถึงตลาดไทย นอกจากนี้ ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนที่สะดุดอาจส่งผลให้ความคาดหวังการเติบโตของรายได้และการส่งออกของบริษัทที่เชื่อมโยงกับตลาดอังกฤษลดลง ซึ่งอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมทางอ้อม
IPPR ได้เสนอว่าการเก็บภาษีนี้จะช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณได้สูงถึง 8 พันล้านปอนด์ต่อปี และยังคงทำให้ธนาคารสามารถมีกำไรที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ แต่ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากองค์กรตัวแทนบริการทางการเงินของอังกฤษ ที่มองว่าภาษีเพิ่มเติมจะทำให้การแข่งขันของอังกฤษในตลาดโลกลดลง
สำหรับผู้อ่านชาวไทย การติดตามสถานการณ์นี้สำคัญเพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกมีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง และความเคลื่อนไหวในตลาดธนาคารสำคัญของโลกอาจส่งผลถึงตลาดทุนและการลงทุนในไทยได้ในหลายระดับ