– แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งอังกฤษกล่าวว่า การคุกคามความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่งและเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก
– ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โจมตีสำนักงาน Fed อย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมากและพยายามปลดผู้ว่าการ 1 คน จนอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงตลาดในประเทศไทยที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับสหรัฐฯ
– ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารแห่งอังกฤษได้แสดงความเห็นร่วมกันว่าการคงความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นสิ่งสำคัญต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกและภาคการเงินในหลายประเทศรวมถึงไทย
ผู้อำนวยการธนาคารแห่งอังกฤษ Andrew Bailey ได้แสดงความวิตกกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการคุกคามความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve หรือ Fed) ซึ่งเกิดขึ้นจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีเป้าหมายให้ Fed ลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมาก รวมทั้งความพยายามในการปลดผู้ว่าการหนึ่งในสมาชิก เช่น Lisa Cook ที่ได้ดำเนินการฟ้องร้องปกป้องตนเองจากคำสั่งปลดตำแหน่งนี้ การกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็น “เส้นทางที่อันตราย” และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ Andrew Bailey เน้นย้ำว่าความเป็นอิสระของ Fed เป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นในวงการการเงินและเศรษฐกิจโลกไว้สูงมาก และการสูญเสียความเป็นอิสระนี้จะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดโลก ซึ่งรวมถึงตลาดทุนและการลงทุนของไทยที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสหรัฐอเมริกาโดยตรง ทั้งในแง่การส่งออก นโยบายการเงินและเงินทุนต่างประเทศ
ประธานธนาคารกลางยุโรป Christine Lagarde ยังเคยแสดงความกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเน้นว่าการสูญเสียความเป็นอิสระของ Fed จะสร้างความเสี่ยงอย่างมากต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งหากสถานการณ์นี้ยืดยาวจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในด้านการค้าระหว่างประเทศ และการตั้งอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากแรงกดดันเศรษฐกิจโลก
สำหรับบริบทไทย การเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวในตลาดโลกโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผลต่อค่าเงินบาท อัตราเงินเฟ้อ และเงินทุนไหลเข้าออกประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจไทย
ในขณะที่ทางธนาคารแห่งอังกฤษได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 4% ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งมีความแตกต่างจากทิศทางนโยบายที่สหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ทำให้เกิดแรงกดดันในตลาดทุนและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาของสถานการณ์นี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในไทยและทั่วโลก
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ