– Topshop จะกลับมาเปิดจำหน่ายใน 32 สาขาของร้าน John Lewis ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2026 พร้อมกับ Topman ใน 6 สาขา
– การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยนเจ้าของแบรนด์และมีการวางแผนเปิดร้านอิสระเพิ่มเติมในอนาคต
– การร่วมมือกับ John Lewis ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าหลายเจนเนอเรชันกลับมาสนใจแบรนด์อีกครั้ง และเปิดโอกาสทางธุรกิจในตลาดแฟชั่นยุคใหม่
Topshop แบรนด์แฟชั่นชื่อดังที่เคยปิดตัวร้านค้าทั้งหมดในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2021 กำลังเตรียมตัวกลับสู่ตลาดไฮสตรีทอีกครั้งในปี 2026 โดยผ่านความร่วมมือกับร้านค้าปลีกชื่อดัง John Lewis ซึ่งจะมีการนำสินค้าของ Topshop ไปวางจำหน่ายใน 32 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่สินค้าของ Topman แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย จะวางขายใน 6 สาขา
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Topshop ต้องปิดตัวในอดีตคือการถดถอยของธุรกิจค้าปลีกภายใต้การบริหารของเจ้าของเก่า Sir Philip Green และความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อฐานลูกค้าหลักของ Topshop ที่เป็นวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
หลังถูกซื้อกิจการโดยออนไลน์รีเทลเลอร์ Asos และต่อมาได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก Anders Holch Povlsen แบรนด์ Topshop อยู่ในช่วงฟื้นฟูและปรับตัวใหม่ พร้อมกับการเปิดตัวคอลเลคชันเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิปี 2026 ที่มีถึง 120 ชิ้น ซึ่งได้รับการคัดสรรมาจาก John Lewis
การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ในสหราชอาณาจักร แต่ยังเป็นโอกาสให้ตลาดในภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทยได้ติดตามความเคลื่อนไหว เนื่องจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Topshop อาจขยายช่องทางตลาดและความนิยมเข้ามาในประเทศไทยในอนาคต อันจะมีผลดีต่อวงการแฟชั่นและอุตสาหกรรมค้าปลีกในไทย
ความร่วมมือกับ John Lewis ยังถือเป็นโมเดลใหม่ในการนำแบรนด์แฟชั่นระดับไอคอนกลับสู่ตลาดค้าปลีกแบบออฟไลน์ โดยคาดว่าแรงดึงดูดจากลูกค้าเจนเนอเรชันต่าง ๆ ที่เคยหลงใหลในแบรนด์นี้จะช่วยนำพา Topshop สู่ความสำเร็จอีกครั้ง รวมถึงการเตรียมแผนเปิดร้านค้าปลีกอิสระเพิ่มเติมอีกด้วย
สำหรับคนไทยที่ชื่นชอบแฟชั่นและติดตามเทรนด์สากล โอกาสการกลับมานี้อาจหมายถึงการได้เห็นสินค้า Topshop ในตลาดไทยมากขึ้นในอนาคต และศักยภาพของแบรนด์ในการร่วมมือกับธุรกิจท้องถิ่นเพื่อการเติบโตตลาดแฟชั่นไทยในระดับนานาชาติ
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ