– ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอเมริกันสูงขึ้นและขัดขวางการฟื้นฟูภาคการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ
– ธุรกิจในสหรัฐฯ หลายแห่ง เช่น บริษัทผลิตสินค้าโรงพยาบาลและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องนอน ประสบปัญหาค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและต้องลดการลงทุนในขณะที่การจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวหรือหดตัว
– ภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกอันดับต้นๆ ไปยังสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการชะลอตัวและราคาสินค้าที่อาจสูงขึ้น รวมถึงความผันผวนในตลาดส่งออกและการลงทุน
ในเมืองฟอลล์ริเวอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา การฟื้นฟูกิจการอุตสาหกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองกำลังประสบกับความท้าทายอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้พยายามกระตุ้นการผลิตในประเทศ แต่กลับกลายเป็นว่าต้นทุนการนำเข้าส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอย่างมาก
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือบริษัทผลิตเครื่องมือแพทย์สำหรับทารกแรกเกิดในฟอลล์ริเวอร์ ซึ่งแม้จะได้รับความสนใจจากบริษัทอื่นๆ ที่ต้องการใช้บริการเย็บผ้าในสหรัฐ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านแรงงานและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความต้องการในระยะยาว บริษัทเหล่านี้จึงตัดสินใจไม่ขยายการผลิต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเครื่องนอนคุณภาพสูงในบริเวณเดียวกันต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือนจากภาษีศุลกากรที่ติดกับวัสดุ เช่น ผ้าฝ้ายจากอินเดียและโปรตุเกส
จากรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พบว่าภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นของสหรัฐทำให้ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศส่งออกอันดับต้นๆ ไปยังสหรัฐฯ ต้องได้รับผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ท่าทีจากตลาดส่งออกที่ต้องปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาแต่เพียงสหรัฐ นับว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ แม้ผู้บริโภคไทยอาจเผชิญกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นในช่วงนี้
นอกจากนี้ ผลสำรวจจากภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐยังแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานในภาคการผลิตลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจพบแรงกดดันด้านต้นทุนเพิ่มขึ้นและกำไรหดตัว จนเกิดความกังวลว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยภาษีศุลกากรนี้อาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง
สำหรับผู้ประกอบการไทย แม้จะต้องปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่สหรัฐฯ ได้ประกาศใช้ แต่การพยายามกระจายตลาดส่งออกและยกระดับการแข่งขันทางการค้าก็เป็นหนทางสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว
คำชี้แจง
เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้สร้างขึ้นโดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากระบบ AI ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลและงานวิจัยล่าสุดแบบ Real-time อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการทำความเข้าใจข้อมูลทุกครั้ง ไม่ว่าเนื้อหานั้นจะถูกสร้างโดยมนุษย์หรือ AI ก็ตาม
ทีมงาน NowTrd.com มุ่งมั่นที่จะใช้ AI เป็นเครื่องมือเพื่อมอบข้อมูลที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้อ่านทุกท่านอย่างมีความรับผิดชอบต่อความถูกต้อง หากพบข้อผิดพลาดหรือจุดบกพร่องใดๆ โปรดแจ้งให้เราทราบที่ [email protected] เพื่อร่วมพัฒนาเนื้อหาให้ดียิ่งขึ้น
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ